สัญญากู้ (หรือไม่) ที่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ก็ต้องใช้หนี้

 

# หลักฐานที่ไม่ใช่สัญญากู้ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ก็ต้องใช้หนี้

การติดอากรแสตมป์ในสัญญากู้ยืมเงิน    เมื่อผู้ให้กู้ยืมจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเพื่อให้ผู้กู้ยืมเงินชำระหนี้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดทับในหนังสือกู้ยืมเงินด้วย     แต่การติดอากรแสตมป์บนหนังสือที่ทำเป็นหลักฐานโดยมีลายมือชื่อตรงช่องผู้ให้กู้และผู้กู้แม้มิได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ที่ปิดทับในหนังสือที่เป็นหลักฐานผู้กู้ก็ต้องชำระหนี้ 

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 653  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น   ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง  หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว  หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

 

เรื่องจริงอิงฎีกา/  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2560

..........เอกสารมีข้อความว่า  “ 23  กุมภาพันธ์ 2549  ให้เช็คเงินสด  1,500,000  บาท  (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) แก่ อ. (สถานที่ให้ที่ธนาคาร น.)  ผู้กู้ (อ.) สัญญาให้ดอกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาท  (ห้าพันบาท)  ของทุก ๆ เดือน...”  ข้อความดังกล่าวมีลักษณะเพียงการบันทึกเป็นหลักฐานว่ามีการมอบเช็คให้แก่จำเลย   โดยจำเลยอยู่ในฐานะผู้กู้  ดังความตอนท้ายระบุตรงที่มีลายมือชื่อจำเลยว่า  ผู้กู้  และระบุตรงที่มีลายมือชื่อโจทก์ว่า  ผู้ให้กู้  ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็มิได้กำหนดไว้ชัดเจน  แต่สามารถคำนวณได้ว่าหากต้องให้ดอกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาท  ในต้นเงิน 1,500,000 บาท  ตามที่ระบุในเช็คก็จะคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ  4  ต่อปี  จึงเป็นเพียงหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง  มิใช่เป็นหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจึงไม่เข้าลักษณะตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 แม้โจทก์จะปิดอากรแสตมป์ในเอกสารดังกล่าวแต่มิได้ขีดฆ่า  ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

 

 

 

 

 

 

 

 

Visitors: 56,314