เงินค่าจ้างของลูกจ้างเมื่อหยุดงาน

 

# เงินค่าจ้างของลูกจ้างต้องไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าเมื่อนายจ้างหยุดงาน

เมื่อนายจ้างมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการ  นายจ้างก็ยังมีภาระต้องจ่ายค่าจ้างให้ครบตามกฎหมายแก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของค่าจ้างแก่ลูกจ้าง   ไม่ว่าด้วยเหตุใดถ้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัย   ซึ่งในปัจจุบัน (น่าเห็นใจทั้งนายจ้างและลูกจ้าง)

 

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562

มาตรา 75 ในกรณีที่นายจ้างมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดที่สำคัญอันมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของนายจ้าง  จนทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติซึ่งมิใช่เหตุสุดวิสัย   ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบห้าของค่าจ้างในวันทำงานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการตลอดระยะเวลาที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้างทำงาน  ณ สถานที่จ่ายเงินตามมาตรา 55 และภายในกำหนดเวลาการจ่ายเงินตามมาตรา 70 (1)

เรื่องจริงอิงฎีกา/  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8131/2553  

...............ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฯ มาตรา 75 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ ในกรณีที่นายจ้างมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวโดยเหตุหนึ่งเหตุใดที่มิใช่เหตุสุดวิสัย   ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของค่าจ้างในวันทำงานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการตลอดระยะเวลาที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้างทำงาน ”    บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ต้องการคุ้มครองนายจ้างในกรณีที่นายจ้างประสบปัญหามีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว  แต่นายจ้างยังมีความประสงค์จะประกอบกิจการของตนอีกต่อไป   เพื่อเป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายของนายจ้างจึงให้นายจ้างรับภาระจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในระหว่างการหยุดงานเพียงครึ่งเดียวแทนที่จะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างเต็มจำนวนในระหว่างที่หยุดกิจการนั้น     แต่ในขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองลูกจ้างด้วย  เพราะหากไม่มีบทบัญญัติดังกล่าวนายจ้างอาจไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายในด้านแรงงานทั้งหมดได้   จำเป็นต้องเลิกจ้างลูกจ้างทำให้ลูกจ้างต้องตกงานขาดรายได้และได้รับความเดือนร้อน  สำหรับความจำเป็นของนายจ้างที่จะยกขึ้นอ้างเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้จะต้องเป็นความจำเป็นที่สำคัญอันจะมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของนายจ้างอย่างมากทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการตามปกติได้    มิใช่เป็นแต่เพียงความจำเป็นทั่ว ๆ ไป  เล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบแก่กิจการของนายจ้างมากนัก   อีกทั้งระยะเวลาในการแก้ไขเหตุแห่งความจำเป็นดังกล่าวจะต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอนติดต่อกันอย่างพอสมควร    ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในระหว่างวันที่  15  มีนาคม  2547  ถึงวันที่  21  มิถุนายน  2547   โจทก์สั่งให้ลูกจ้างคือ  ป. กับพวกรวม 73 คน  หยุดทำงานชั่วคราวเป็นบางวันเป็นระยะ ๆ  การหยุดทำงานชั่วคราวดังกล่าวโจทก์แจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าเพียงหนึ่งหรือสองวันเท่านั้น   และสาเหตุที่โจทก์ให้ลูกจ้างหยุดงานเนื่องจากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าลดลง     ลักษณะการสั่งให้ลูกจ้างหยุดงานชั่วคราวของโจทก์ดังกล่าวเป็นการหยุดงานเป็นบางวันเป็นระยะ ๆ  ตามที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ประสบปัญหาการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าลดลงซึ่งไม่มีความแน่นอน    แม้โจทก์จะอ้างว่าลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้าเป็นรายสัปดาห์   โจทก์จะทราบการสั่งซื้อล่วงหน้าเพียง 3 วัน  ถึง 5 วันก็ตามก็เป็นเรื่องปกติของการค้าที่อาจอาจจะมีความไม่แน่นอนบ้าง   โจทก์ควรจะต้องวางแผนการบริหารกิจการของโจทก์ล่วงหน้า  มิใช่นำสาเหตุดังกล่าวมาสั่งให้ลูกจ้างหยุดทำงานชั่วคราวเป็นบางวันเป็นระยะ ๆ เช่นนี้  ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างนั้นยังมิใช่เหตุจำเป็นถึงขนาดต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามที่  พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฯ  มาตรา 75 วรรคหนึ่ง  บัญญัติไว้แต่อย่างใด  คำสั่งของจำเลยในฐานะพนักงานตรวจแรงงานที่ให้โจทก์จ่ายค่าจ้างส่วนที่ขาดอยู่ร้อยละห้าสิบแก่ลูกจ้างชอบแล้ว





Visitors: 50,514