หน้าแรก > คำพิพากษาศาลฎีกาน่าดู >
เรื่องจริงอิงฎีกา/เงินประกันสังคม
ค่าบริการเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมหรือไม่
# เงินที่ไม่ใช่เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
หากไม่เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง โดยมีวัตถุประสงค์ของการจ่ายเพื่อเป็นค่าตอบแทนการทำงานในวันและเวลาทำงานปกติของลูกจ้างที่ทำให้แก่นายจ้างก็ไม่ใช่ค่าจ้างที่ต้องนำมาคำนวณเพื่อจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้
“ ค่าจ้าง ” หมายความว่า เงินทุกประเภทที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนการทำงานในวันและเวลาทำงานปกติไม่ว่าจะคำนวณตามระยะเวลาหรือคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้ในวันหยุดและวันลาซึ่งลูกจ้างไม่ได้ทำงานด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะกำหนด คำนวณหรือจ่ายในลักษณะใดหรือโดยวิธีการใด และไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร
เรื่องจริงอิงฎีกา/ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4037 - 4038/2561
..........โจทก์เรียกเก็บเงินค่าบริการจากลูกค้าที่มาใช้บริการในอัตราร้อยละ 10 ของจำนวนเงินค่าที่พักค่าอาหารหรือค่าบริการอื่น ๆ ที่ลูกค้ามาใช้บริการ แล้วโจทก์นำไปจัดสรรให้แก่ลูกจ้างของโจทก์นอกเหนือจากเงินเดือน (ค่าจ้าง) ที่ลูกจ้างได้รับจากโจทก์ประจำทุกเดือน ดังนี้ การที่ลูกจ้างของโจทก์จะได้รับค่าบริการมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจำนวนค่าใช้จ่ายของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่ปรากฏว่าหากโจทก์ไม่ได้รับค่าบริการหรือได้รับจำนวนน้อยแล้ว โจทก์ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้แก่ลูกจ้าง โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียกับค่าบริการดังกล่าว การที่โจทก์เป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการจากลูกค้าและเป็นผู้จัดแบ่งให้แก่ลูกจ้างจึงเป็นกรณีที่โจทก์ทำแทนลูกจ้างเพื่อความสะดวกและเพื่อให้กิจการของโจทก์ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ค่าบริการจึงมิใช่เงินของนายจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงานหรือผลงานที่ลูกจ้างทำได้สำหรับระยะเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และมิใช่เงินที่นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลา จึงไม่ใช่ค่าจ้างตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 5
โจทก์จ่ายค่าน้ำมันรถให้แก่ลูกจ้างที่นำยานพาหนะส่วนตัวมาใช้ในการปฏิบัติงาน ส่วนเงินค่ากะที่ลูกจ้างจะได้รับก็มีแต่เฉพาะลูกจ้างซึ่งเข้าทำงานในเวลากลางคืนเท่านั้น โดยโจทก์จ่ายเพื่อรักษาและสร้างแรงจูงใจของพนักงานและกำหนดอัตราขั้นสูงไว้ 1,000 บาท ต่อเดือน สำหรับเงินค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษ โจทก์จ่ายให้แก่ลูกจ้างที่มีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ เงินทั้งสามประเภทดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นเงินสวัสดิการ มิใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงาน หรือผลงานที่ลูกจ้างทำได้สำหรับระยะเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และมิใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดและวันลา มิใช่ค่าจ้างตามพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 5 เช่นกัน ดังนั้น ค่าบริการ ค่าน้ำมันรถ ค่ากะและค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษจึงไม่ใช่ค่าจ้างที่ต้องนำมาคำนวณเพื่อจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม