หน้าแรก > คำพิพากษาศาลฎีกาน่าดู >
เรื่องจริงอิงฎีกา/เช่าซื้อรถยนต์ที่มีความชำรุดบกพร่อง
สัญญาเช่าซื้อที่ไม่เป็นธรรมไม่ต้องรับผิด
# เช่าซื้อรถที่ส่งมอบความชำรุดบกพร่อง
การเช่าซื้อรถยนต์ของผู้บริโภคที่เป็นผู้เช่าซื้อส่วนมากจะตกอยู่ในฐานะผู้ด้อยสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่บริษัทไฟแนนซ์ (ผู้ให้เช่าซื้อ) ที่ได้นำรถมาให้เราเช่าเป็นงวดๆ แล้วให้คำมั่นว่าจะขายให้กับผู้เช่าซื้อเมื่อชำระค่างวดเช่าซื้อครบถ้วน โดยส่วนใหญ่ผู้ให้เช่าซื้อก็จะทำสัญญาเช่าซื้อไว้เป็นข้อยกเว้นให้ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องทั้งในขณะส่งมอบหรือในอนาคตเพื่อให้ตนเองไม่ต้องชดใช้ความเสียหายกับผู้เช่าซื้ออันเป็นสัญญาที่เป็นข้อยกเว้นระหว่างผู้ให้เช่าซื้อกับผู้เช่าซื้อก็ตาม แต่ถ้าหากว่าการส่งมอบรถยนต์ที่ผู้เช่าซื้อไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าชัดเจนในขณะเวลาที่ส่งมอบแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อจะปฏิเสธไม่ต้องรับผิดในความเสียหายไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 572 อันว่าเช่าซื้อนั้น คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว
มาตรา 537 อันว่าเช่าทรัพย์สินนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น
มาตรา 472 ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด
ความที่กล่าวมาในมาตรานี้ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่
มาตรา 549 การส่งมอบทรัพย์สินซึ่งเช่าก็ดี ความรับผิดของผู้ให้เช่าในกรณีชำรุดบกพร่องและรอนสิทธิก็ดี ผลแห่งข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดก็ดี เหล่านี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการซื้อขายอนุโลมความตามควร
เรื่องจริงอิงฎีกา/ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2560
......…สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าประเภทหนึ่งที่มีคำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่า โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อจึงมีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อให้แก่ผู้เช่าซื้อได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในสภาพที่เรียบร้อยและสมบูรณ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 537 และ 572 โดยไม่อาจอ้างวิธีการทำธุรกรรมหรือการได้มาของรถที่โจทก์นำมาให้เช่าซื้อนั้นมาปฏิเสธความรับผิด เนื่องจากโจทก์มีฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อโจทก์ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่จำเลยที่ 1 โดยรถยนต์มีความชำรุดบกพร่องไม่มีความเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งหมายจะใช้เป็นปกติ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 และ มาตรา 549
ข้อตกลงตามสัญญาเช่าซื้อที่ระบุว่าเจ้าของไม่ต้องรับผิดชอบความชำรุดบกพร่องใด ๆ ไม่ว่าตรวจพบขณะส่งมอบหรือไม่ นั้น แม้บทบัญญัติเรื่องความรับผิดเรื่องความชำรุดบกพร่องตาม ป.พ.พ. มาตรา 472 และ 473 คู่สัญญาสามารถตกลงกันได้เพราะมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยที่จะตกลงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ข้อตกลงที่ยกเว้นความชำรุดบกพร่องที่ไม่เห็นประจักษ์ในขณะส่งมอบและเป็นเรื่องที่ควรอยู่ในความรู้เห็นของผู้ประกอบธุรกิจ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าข้อตกลงลักษณะดังกล่าวก่อให้เกิดความได้เปรียบแก่ผู้เช่าซื้อในฐานะผู้บริโภคเกินสมควร ย่อมไม่อาจใช้บังคับได้ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 4 และ 6 เมื่อสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้เป็นฝ่ายผิดนัดหรือผิดสัญญาย่อมมีสิทธิที่จะไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าโจทก์จะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 โดยการจัดการแก้ไขรถยนต์ที่เช่าซื้อให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาหรือเปลี่ยนรถคันใหม่ให้แก่ผู้เช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อส่งมอบกลับคืนแก่โจทก์จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. 573 สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันได้