กู้ยืมเงินที่มีความผิดต้องโทษจำคุก

 

# กู้ยืมเงินเพราะมีอัตราดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้ยืม  และผู้ให้ยืมจะคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีก็ไม่ได้   แต่ถ้าหากมีการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดก็ให้ลดลงมาเหลือในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี      ในปัจจุบันผู้ให้กู้ (นอกระบบ) ส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด   ซึ่งหากผู้ให้กู้ใช้สิทธิฟ้องผู้ยืมให้รับผิดใช้เงิน นอกจากดอกเบี้ยที่คิดเกินอัตราที่กำหนดจะไม่ได้แล้วก็จะมีความผิดถึงจำคุกโดยที่ศาลไม่รอการลงโทษอีกด้วย  

 

พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560

มาตรา 4  บุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน  โดยมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

(1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้

(2) กำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้หรือเรื่องอื่น ๆ ไว้ในหลักฐานการกู้ยืมหรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือ

(3) กำหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งประโยชน์อย่างอื่นนอกจากดอกเบี้ย  ไม่ว่าจะเป็นเงิน  หรือสิ่งของหรือโดยวิธีการใด ๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืม

 

เรื่องจริงอิงฎีกา/  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4955/2560  

 ………จำเลยประกอบกิจการจัดหาเงินทุนในทางการค้าปกติ  แล้วนำออกให้ผู้อื่นกู้เงินแบบนอกระบบ  และให้บุคคลทั่วไปในเขตพื้นที่ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 60 ต่อเดือน  หรือร้อยละ 720 ต่อปี และร้อยละ 25 ต่อปี หรือร้อยละ 300 ต่อปี เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี เป็นจำนวนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างมาก  ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้บนความเดือดร้อนของผู้ตกทุกข์ได้ยาก  โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและไร้จิตสำนึกต่อศีลธรรมอันดี  พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง  แม้จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน  หรือมีภาระต้องอุปการะบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่น ๆ ตามที่จำเลยฎีกา ก็เป็นเหตุผลส่วนตัว ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

 

 

 

 

Visitors: 50,513